ชีวประวัตินักฟื้นฟูอิสลามท่านหญิง ซัยนับ อัล ฆอซาลี


1.ประวัติทั่วไปของท่าน(التعرف بها)
ชื่อของท่าน คือ ซัยนับ มุหัมมัด อัล ฆอซาลี อัล ญะบีลี เป็นชาวอาหรับดั้งเดิมเกิดเมื่อวันที่2 เดือนมกราคม ค.ศ.1917 ในหมู่บ้านที่มีชื่อว่า"ميت يعيش" ที่เมือง الدقهلية ประเทศอียิปต์ท่านเติบโตมาในครอบครัวที่เคร่งครัดในเรื่องของอิสลาม และพ่อของท่านเป็นผู้ที่ท่องจำอัลกุรอาน และครอบครัวของท่านส่วนใหญ่ทำการค้าขาย ตระกูลพ่อของนางนั้นไปจบอยู่ที่ท่านอุมัร บิน ค้อตต็อบ ส่วนตระกูลของแม่ท่านนั้นไปบรรจบที่ท่านหะซัน บิน อะลี (ร.ด.)
ท่านได้เข้าศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง และได้ศึกษาวิชาศาสนา อัล กุรอ่าน หะดีษ และฟิกฮฺจากเชคอับดุลมาญีด อัล ลิบาน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร อัชชารีฟ,เชคมุหัมมัด สุไลมาน หัวห้าสาขาวิชาหนึ่งจากมหาวิทยาลัยอัลอัซอัรและเชคอะลี มะฮฺฟูซ และได้รับแนวคิดการศึกษาส่วนหนึ่งจาก ท่าน ซัน อัล บันนาและอุสตาสอัลหุดัยบีย์ และบุคลิกของท่านคือเป็นคนที่กล้าหาญและเฉลียวฉลาด


2.หน้าที่และงานเขียนของท่านซัยนับ อัล ฆอซาลี(زينب الغزالي و عملها ومؤلفاتها )
งานของท่าน
ท่านเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์กลางที่รวบรวมบรรดามุสลิมะห์และรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของมุสลิมะห์ในญะมาอะห์อิควาน อัลมุสลิมูน
งานเขียนของท่าน
ท่านได้แต่งหนังสือซึ่งประกอบด้วยหนังสือ أيام من حياتي، نحو بعث جديد และ نظرات في كتاب اللهและ مشكلات الشباب والفتياتและ وتحت الطبع "أسماء الله الحسنى"และท่านได้เขียนบทความค่างๆในหนังสือ วารสารอาหรับต่างๆมากมายและท่านก็ยังเป็นตัวแทนของบรรดามุสลิมะห์ในการประชุมหรือเสวนาต่างๆที่เกี่ยวกับสิทธิ์ของบรรดามุสลิมะห์



3.ซัยนับ อัล ฆอซาลี และความเกี่ยวข้องในการเชิญชวนไปสู่ญะมาอะห์อิควาน(زينب الغزالي وصلتها بدعوة الإخوان)
ท่านได้เริ่มการสัมพันธ์กับกลุ่มอิควานในปี ฮ.ศ.1357หลังจากการก่อตั้งศูนย์รวมสำหรับผู้หญิงมุสลิมประมาณหกเดือน ด้วยการแนะนำของอิมาม อัซซาฮีด ฮะซัน อัลบันนา ประธานสาขาอิควาน อัล มุสลิมะห์ในกลุ่มญะมาอะห์อิควาน ซึ่งในช่วงแรกๆเขาได้ปฏิเสธการมีส่วนร่วมเป็นสมาชิกของอิควานมุสลิมะห์แต่ภายหลังท่านนั้นได้ร่วมมือและประสานงานกับญะมาอะฮฺเป็นอย่างดี
แต่หลังจากเหตุการณ์ในปีที่ค.ศ.1948 ได้มีการแถลงการยุบกลุ่ม”ญามาอะฮฺอิควาน”และเขาก็ส่งโทรเลขไปที่ท่านหะซัน อัล บันนาเพื่อขอความช่วยเหลือ


4.ซัยนับ อัล ฆอซาลีและการปฏิวัติอียิปต์ในปี ค.ศ. 1952 (زينب الغزالي وثورة 1952م المصرية)
ในปีนี้ได้เกิดการรัฐประหารและการปฏิวัติโดยการนำของมูฮำหมัด นุญีบซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานจนกระทั่งวันเวลาผ่านไป อับดุลนาซีรก็ได้ทำการปฏิวัติแทนมูฮำหมัดและมีการทรมานและการฆ่าผู้รู้ของศาสนาอิสลามและบรรดามุสลิม


5.ซัยนับ อัล ฆอซาลีและตำแหน่งทางการเมือง ( زينب الغزالي ومواقفها السياسية )
กิจการแรกที่ท่านซัยนับได้รับมอบหมายจากอัซซาฮีด หะซัน อัล บันนา คือเป็นสื่อกลางระหว่างกลุ่มอิควานกับ อัล นุฮาช บาชา และการขจัดความเข้าใจผิดหรือความคิดที่ชั่ว ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านได้ถูกเสนอให้เป็นสื่อกลางกับอุสตาซ อามีน คอลีล
และท่านก็ได้ปฏิเสธต่ออับดุลนาซิรผู้พิพากษาในอียิปต์ที่ต้องการจะพบเธอ และท่านได้ถูกเสนอให้ทำวารสาร ที่ชื่อว่า السيدات المسلمات และให้ค่าตอบแทนที่มากมายและให้การสนับสนุนทุนแก่มัรกัซ(ศูนย์กลาง)ในแต่ละปีเป็นเงินจำนวนมากแต่ท่านก็ปฏิเสธทุกอย่างและในวันที่6/9/1964 ได้มีการแถลงข่าวขู่การยุบมัรกัซและการหยุดพิมพ์วารสาร แต่ท่านก็ปฏิเสธและไม่สนใจกับทุกๆคำขู่ต่างๆ


6.ซัยนับ อัล ฆอซาลีและการอยู่ในเรือนจำ ( زينب الغزالي في رحاب السجون)

หลังจากที่ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวของกลุ่มความคิดทางปัญญา(حركة الفكرية)ภายใต้การนำของท่านซัยยิด กุฏฏุบ พวกเขาจึงรายงานให้พวกซีไอเอ รัสเซีย และไซออนิสต์ และคิดที่จะทำการปฏิวัติโดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อที่จะทำลายอิสลามและทำทุกอย่างที่ขัดต่อหลักการของศาสนาอิสลาม และในช่วงต้นเดือนสิงหาคมปีค.ศ.1965 พวกเขาได้เริ่มจับกุมท่านซัยนับ อัล ฆอซาลี ในวันที่20เดือนสิงหาคม ค.ศ.1965ไปขังไว้ในคุกและยึดทรัพย์สินทั้งหมดของเธอ
ช่วงที่ท่านอยู่ในคุกนั้นท่านถูกทรมานด้วยเหล็ก ไฟฟ้าช็อต ทำร้ายร่างกายและทำร้ายศักดิ์ศรีของท่าน การทรมานด้วยแซ่ การปล่อยสุนัขป่าเข้าไป การปล่อยหนอนและหนูและแมลง การงดเว้นอาหารและเครื่องดื่ม การปล่อยน้ำเข้าไปในห้องขัง แต่ท่านก็ยังอดททนต่อการทรมานต่างๆที่ท่านประสบและท่านได้ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา และหวังในการช่วยเหลือของอัลลอฮฺ โดยการขายตัวของนางต่ออัลอฮฺเพื่อแลกกับสวรรค์ของอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน
7.การจากไปของซัยนับ อัล ฆอซาลี(وفاة زينب الغزالي)
ท่านเสียชีวิตในวันที่ 3 เดือนสิงหาคม ค.ศ.2005 โดยมีอายุ 88 ปี ศพของท่านถูกฝังที่เมืองนัศร ประเทศอียิปต์


อ้างอิง

1. ابن الهاشمي، الداعية زينب الغزالي مسيرة جهاد وحديث من الذكريات من خلال كتاباتها، دار الاعتصام، القاهرة 1989م.
2. امرأتان مؤمنتان في رحلة التحرير النسوي الجاد (زينب الغزالي، وعائشة عبد الرحمن بنت الشاطئ) شهرزاد العربي.
3. زينب الغزالي، أيام من حياتي، دار الاعتصام، القاهرة.
4. شهرزاد العربي: زينب الغزالي من البرنيطة إلى الحجاب، بيت الحكمة، منشية الصدر، القاهرة، مصر، عام 1996م.
5. http://www.ikhwanonline.com/Article.asp

เรียงเรียบและแปลโดย พิพัฒน์ นาคชูวงค์

ไสยศาสตร์ในอิสลาม

ความหมายของไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์เป็นวิชาเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถาและเลขยันต์ประกอบกับการใช้อำนาจ สมาธิ จิต การสาธยายเวทมนตร์คาถา การภาวนา และ การปลุกเสก ในทัศนะอิสลาม ไสยศาสตร์คือวิชาความรู้ที่มาจากญินและชัยฏอน เกี่ยวข้องกับสิ่งเร้นลับ และมันก็มีความเร้นลับจริงๆ ในอายะห์ที่ 102 ของซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ ได้แสดงให้เห็นว่าในอิสลามก็มีการกล่าวถึงวิชาว่าด้วยไสยศาสตร์ ว่าเป็นศาสตร์ของขัยฏอน และเป็นการปฏิเสธการศรัทธา นอกจากนี้อายะห์นี้ยังบอกอีกว่า วิชาไสยศาสตร์มีมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่สมัยบาบิโลน ขณะที่ในสมัยฟิรเอาว์ก็เคยมีการนำวิชาไสยศาสตร์มาต่อกรกับนะบีมูซา อะลัยฮิสลาม เช่นกัน
จุดเริ่มต้นของไสยศาสตร์
พระเจ้าตรัสไว้ในกุรอานว่า

1. และพวกเขาได้ปฏิบัติตามสิ่งที่บรรดาชัยฏอนในสมัยสุลัยมานอ่านให้ฟัง และสุลัยมานไม่ได้ปฏิเสธความศรัทธา 2. แต่ทว่าชัยฏอนเหล่านั้นต่างหากที่ปฏิเสธความศรัทธาโดยการสอนไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คน 3. และสิ่งที่ถูกประทานมาแก่มลาอิก๊ะฮฺทั้งสองคือฮารูตและมารูต ณ เมืองบาบิล และเขาทั้งสองจะไม่สอนผู้ใดจนกว่าจะกล่าวว่า “แท้จริง เราแค่เป็นผู้ทดสอบเท่านั้น ท่านจงอย่าปฏิเสธความศรัทธาเลย” 4. แม้กระนั้น ผู้คนก็ยังศึกษาจากเขาทั้งสอง 5. ซึ่งมันได้เป็นสาเหตุให้เกิดการแตกแยกระหว่างผู้ชายกับภรรยาของเขา 6. และพวกเขาไม่อาจใช้สิ่งนั้นทำอันตรายแก่ผู้ใดได้นอกจากด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น 7. และพวกเขาก็เรียนสิ่งที่เป็นอันตรายต่อพวกเขาและมิได้เป็น คุณแก่พวกเขา และแน่นอน 8. พวกเขารู้ว่าใครก็ตามที่ซื้อมันจะไม่มีส่วนแห่งความดีใดในโลกหน้าและความชั่วคือราคาที่พวกเขาขายชีวิตของพวกเขาถ้าหากพวกเขารู้” (กุรอาน อัล-บะเกาะเราะฮฺ: 102)

อธิบายได้ดังนี้
1. สุลัยมานได้รับไสยศาสตร์มาจากมลาอิกะห์ หรือเทวทูตสองท่านชื่อ ฮารูตและมารูต ซึ่งสุลัยมานยังคงเป็นมุสลิม (ไม่ปฏิเสธศรัทธา)
2. ชัยฏอนก็ได้สอนไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คน โดยที่มาจากแหล่งเดียวกันคือ เทวทูตสองท่านนั้น
3. อัลลอฮ์ให้มลาอิกะห์นำไสยศาสตร์ลงมาแก่สุลัยมาน รวมถึงคนอื่น ๆ เพื่อการทดสอบไม่ใช่การใช้งาน
4. นอกจากมลาอิกะห์สอนสุลัยมาน มลาอิกะห์สองท่านนั้นยังสอนคนอื่นอีกด้วย ไม่ใช่แค่ชัยฏอน
5. ผลของไสยศาสตร์ทำให้สามีภรรยาแตกแยกกัน
6. ไสยศาสตร์ทำอันตรายกับผู้ใดก็ได้ หากอัลลอฮ์อนุญาต
7. ไสยศาสตร์เป็นอันตรายกับตัวผู้เรียนด้วย และไม่มีคุณค่าใด
8. ราคาของไสยศาสตร์คือความความดีที่เสียไป
ไสยศาสตร์มีสองประเภทหลักๆคือ
1. ไสยศาสตร์เพื่อทำลายผู้อื่น คือการนำไสยศาสตร์มีเป้าหมาย เพื่อให้ชัยฏอนไปทำร้ายคนที่เราต้องการ เช่นการทำของตามคำสั่งของชัยฏอนด้วยการทำของ แล้วมันก็จะไปทำตามคำสั่ง อย่างเช่น อยากให้คนนั้นเลิกกับคนนี้ อยากให้คนนั้นมาเป็นของเรา (การทำเสน่ห์) ซึ่งส่วนใหญ่ที่เห็นของที่ทำนั้นพวกนักไสยศาสตร์จะเขียนเหมือนอายะห์กุรอ่าน แต่แท้ที่จริงแล้วให้ระมัดระวังให้ดี อาจจะเป็นการเขียนข้อความบิดเบือนกุรอ่าน หรือเป็นคำที่ใช้สรรเสริญชัยฏอนก็ได้ ถึงแม้จะเป็นภาษาอาหรับก็ตาม นอกจากนี้ยังมีของที่พบเห็นเป็นส่วนมากอย่างเช่นการทำปมเชือกแล้วเป่าลงไป ซึ่งในอายะห์ที่ 4 ของซูเราะห์อัลฟะลัก มีการกล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งวิธีการแก้ก็คือ ขณะที่เราจะฉีก หรือแก้ปมเชือกก็ให้เราอ่านอายะห์กุรซี และ 3 กุล (อัลอิคลาส,อัลฟะลัก,อันนาซ)
2. ไสยศาสตร์ที่ใช้ในการติดต่อญิน ญินมาเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์อย่างไร ญินคือสิ่งถูกสร้างประเภทหนึ่งที่อยู่ต่างมิติไปจากมนุษย์ แต่มิใช่มะลาอิกะห์ ญินและมนุษย์มีส่วนคล้ายกันบ้างเช่นมีปัญญารับรู้และได้รับสิทธิในการเลือกเฟ้น แต่ก็ต่างกันหลายประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งธาตุของแต่ละฝ่าย ญินเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกสร้างมาจากไฟในขณะที่มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกสร้างมาจากดิน ซึ่งญินมีทั้งดีและชั่ว ญินที่ชั่วคือชัยฏอนหรือมารร้ายและหัวหน้าของชัยฏอนคืออิบลีส เนื่องจากญินถูกสร้างจากไฟ และมนุษย์มีธาตุไฟอยู่ซึ่งเป็นช่องทางทำให้มันสามารถแทรกเข้าไปในตัวคนได้ ในกรณีที่คนผู้นั้นมีความศรัทธาอ่อนแอ และเมื่อมันเข้าไปแล้วมันก็จะแสดงพฤติกรรมของมันผ่านทางตัวคนนั้น จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่เราจะเห็นผู้หญิงแก่ที่ถูกญินเข้าสามารถว่ายน้ำได้เหมือนผู้ชายร่างกายแข็งแรง หรือบางครั้งพูดภาษาต่างประเทศได้ คำว่า "ญิน" มีความหมายในเชิงปกปิดซ่อนเร้นจากสายตามนุษย์ กล่าวคือมนุษย์ไม่สามารถมองเห็น "ญิน" ได้ (หากเขามิได้จำแลงให้เห็น) อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
"แท้จริงเขาเห็นพวกเจ้า ทั้งเขาและผู้ที่เป็นประเภทเดียวกับเขา โดยที่พวกเจ้าไม่เห็นพวกเขา" (อัลอะอ์ร๊อฟ/27)
อย่างพวกหมอดู ที่จะใช้ญินในการเอาข้อมูลต่างๆ มา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหมอดูจะใช้ญิน ให้มาถามข้อมูลจากญินที่ติดตามตัวเรา แล้วญินของหมอดูก็จะไปบอกหมอดูว่าเราเป็นใครมาจากไหน อีกทั้งยังใช้ญินเป็นเครื่องทำนายจากกุรอานที่ว่า
และแท้จริงเราได้ค้นคว้าหาข่าว ณ ชั้นฟ้า แต่เราได้พบ ณ ที่นั่งเต็มไปด้วยยามเฝ้าผู้เข้มแข็งและเปลวเพลิง
และแท้จริงเราเคยนั่ง ณ สถานที่นั่งในท้องฟ้านั้นเพื่อฟัง แต่ขณะนี้ผู้ใดนั่งฟังเขาก็จะพบเปลวเพลิงถูกเตรียมไว้สำหรับเขา (อัลญิน 8-9)
ญินได้กล่าวว่า พวกเราได้ขึ้นไปบนชั้นฟ้าเพื่อจะฟังข่าวคราว (อนาคต) จากชั้นฟ้าแต่เราได้พบ ณ ชั้นฟ้านั้นเต็มไปด้วยมะลาอิกะฮฺอย่างหนาแน่น ซึ่งทำหน้าที่เป็นยามเฝ้า และเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ซึ่งจะใช้ขว้างขับไล่ผู้ที่พยายามเข้าไปใกล้ ซึ่งสมัยก่อนร่อซูลมุฮัมมัดเราเคยใช้เป็นที่นั่งเพื่อฟังข่าวคราวจากท้องฟ้า เพื่อนำไปแจ้งแก่นักพยากรณ์
ในคัมภีร์กุรอานและในฮะดีษบอกให้เรารู้ว่ามนุษย์บางคนก็เป็นเพื่อนกับชัยฏอน เช่น คนที่สุรุ่ยสุร่ายเป็นพวกพ้องของชัยฏอน เป็นต้น ทุกคนที่มีความสัมพันธ์กับญินจนถึงขั้นเลี้ยงไว้ใช้งานจะได้รับความทรมานและทุรนทุรายก่อนตาย หากไม่หาคนมารับมันไปเลี้ยงต่อ ญิน มีความสามารถแตกต่างจากมนุษย์ อัลกุรอ่านได้เล่าถึง "อิฟรีต" ผู้เป็นญินที่รับใช้ท่านนบีสุลัยมานว่าสามารถย้ายบัลลังก์ของ "บัลก๊อยส์"มาให้ท่านนะบีสุลัยมานได้ในพริบตา (ดูอัลกุรอ่าน บท อัลนัมลุ / 38-39) อีกทั้งสามารถจำแลงตนเป็นรูปร่างต่างๆได้ มนุษย์จึงสามารถเห็นญินได้นอกเหนือจากนี้ญินยังสามารถทำร้ายมนุษย์ได้ด้วยวิธีการต่างๆ หมอไสยศาสตร์จึงได้ใช้ญินเป็นสื่อเพื่อที่จะให้ผู้คนเชื่อว่าเขามีพลังอำนาจ สามารถล่วงรู้สิ่งต่างๆ สามารถสร้างความเจ็บป่วยหรือความสบายให้ใครๆได้ แต่หารู้ไม่ว่าเขากำลังนำพาตัวของเขาและผู้ที่หลงเชื่อตามเขาไปสู่ความหายนะทั้งโลกนี้และโลกหน้า ท่านนะบีมุฮัมหมัด เคยบอกซอฮาบะห์ว่าทุกคนมีญิน ซึ่งแม้แต่นะบีเองก็มี แต่ท่านได้สอนให้มันเข้ารับอิสลามแล้ว นอกจากนี้แล้ว การเล่นผีถ้วยแก้วก็เป็นไสยศาสตร์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งใกล้ตัวที่มุสลิมต้องระมัดระวังและห่างไกล โดยที่ในปัจจุบันมีการทำแผ่นกระดานออกมาเป็นเป็นเกมเล่นกันอย่างแพร่หลาย แม้กระทั่งในยุโรป หรือแม้แต่ในประเทศอาหรับเอง
ท่านเชคอิบนุตัยมิยะฮฺกล่าวไว้ว่า "การมีอยู่ของญินนั้นมีหลักฐานชัดเจนจากอัลกุรฺอานและอัลหะดีษและยังเป็นสิ่ งที่บรรดาอุละมาอฺ (นักวิชาการ)ในยุคก่อนๆ มีความเห็นตรงกัน และเช่นเดียวกันการเข้าครอบงำของญิน และการสิงสู่ของมันในตัวของมนุษย์นั้นก็เป็นเรื่องที่บรรดาอุละมาอฺชาวสุนนะ ฮฺทั้งหลายให้การยอมรับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน โดยผู้ที่ถูกเข้าสิงนั้นจะพูดจะทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว แม้กระทั่งถูกตีอย่างแรงก็ตาม"

ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อะหฺมัด อิบนุหันบัลกล่าวว่า "แท้จริงมีกลุ่มคนจำนวนมากที่อ้างว่าญินนั้นไม่สามารถเข้าสิงสู่ในตัวมนุษย์ ได้ ท่านอิมามอะหฺมัดตอบว่า โอ้ลูกรักคนเหล่านั้นพูดเรื่องโกหกแล้ว"
อิสลามว่าอย่างไรเกี่ยวกับไสยศาสตร์
ไสยศาสตร์ เวทย์มนต์คาถา ถือว่าเป็นบาปใหญ่ นักกฎหมายบางท่านถือว่าเป็นชิริก หรือเป็นสิ่งที่นำไปสู่การทำชิริก และบางคนถือว่าพวกที่ใช้ไสยศาสตร์ มนตร์ดำ ควรถูกประหารเพื่อให้สังคมบริสุทธิ์จากความเลวทรามของมัน ท่านนะบี ได้กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดว่า
จงหลีกห่างจากความเสียหาย 7 ประการ แล้วท่านก็กล่าวว่า “การตั้งภารคีต่ออัลลอฮ ไสยศาสตร์ การฆ่าชีวิตที่ต้องอัลลอฮทรงห้ามเว้นแต่ด้วยความชอบธรรม การกินทรัพย์สินของเด็กกำพร้า การกินดอกเบี้ย การหนีสงคราม และการใส่ร้ายสตรีผู้ศรัทธา (มุอฺมินะฮฺ) ว่ากระทำซินา” (เศาะหีหฺ, บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ (2766. 5764) มุสลิม (89) อบูอะวานะฮฺ (1/54) และอันนะสาอีย์ (6/257) จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ)
ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้ประกาศสงครามกับคนที่อ้างว่ารู้ อดีต อนาคต และเรื่องเร้นลับต่างๆ โดยท่านอ่านโองการจากอัลกุรอานให้ฟังว่า
“จงกล่าวเถิด ไม่มีใครในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินรู้สิ่งเร้นลับ นอกจากอัลลอฮ์” (อัลนัมลฺ อายะฮฺที่ 65)


ไสยศาสตร์คือสะพานสู่การตั้งภาคีต่อ อัลลอฮ์ ทรงดำรัสไว้ในอัลกุรอ่าน ความว่า
“และจงรำลึก เมื่อลุกมานได้กล่าวแก่บุตรของเขา โดยสั่งสอนเขาว่า โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าได้ตั้งภาคีใดๆต่ออัลลอฮฺ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้นเป็นความผิดอย่างมหันต์โดยแน่นอน” [ลุกมาน 31:13]
เรื่องแรกที่ท่านลุกมานได้ตักเตือนบุตรของท่านคือ อย่าตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ เป็นการยืนยันว่าความผิดที่อันตรายที่สุดคือ ชิริก บางคนบอกว่าลูกฉันเป็นมุสลิมไม่มีทางทำชิริก จึงไม่ตักเตือน และคิดว่าชิริกคือการกราบไหว้รูปเจว็ดเท่านั้น แต่ที่จริงพฤติกรรมแห่งชิริกมีมากมาย เช่น การเชื่อในวัตถุ ดวงดาว หรือหลงใหลวัตถุ เป็นต้น ซึ่งการทำชิริกจะเบี่ยงเบนเราจากการเคารพสักการะต่ออัลลอฮ์ รูปแบบของชิริกที่เกิดขึ้นในหมู่มุสลิมมีมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการทำไสยศาสตร์ซึ่งมันคือรูปแบบหนึ่งของการตั้งภาคีแบบเปิดเผย อิสลามต่อต้านพวกหมอดู นักเวทย์มนต์ นักไสยศาสตร์ การเชื่อโชคลาง เนื่องจากมันเป็นเหตุไปสู่การทำชิริก(การตั้งภาคี) นอกจากอายัตอัลกุรอ่านและอัลฮะดิษที่ได้นำมาอ้างไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายอายัตและหลายฮะดิษอีกเช่นกันที่ได้ห้ามการทำไสยศาสตร์ รวมไปถึงคำกล่าวของบรรดานักวิชาการ
อำนาจแห่งมนต์ดำ เวทมนต์และไสยศาสตร์ มิได้มีพลังโดยตัวของมันเอง หากแต่อาศัยพลังของซาตานมารร้าย เวทมนต์ไสยศาสตร์ มีกล่าวในอัลกุรอ่านไว้หลายแห่งและยืนยันว่ามันมีอยู่จริง นักวิชาการซุนนะห์แบ่งมันออกเป็นสองประเภทใหญ่คือ 1. ภาพลวงตา คือเป็นแค่ภาพลวงตา เช่นการกระทำของนักมายากลทั้งหลาย 2. สอง มนต์ดำที่ทำร้ายผู้คนได้โดยอาศัยพลังของชัยฏอนมารร้าย
เวทมนต์และไสยศาสตร์ มิได้มีพลังโดยตัวของมันเองหากแต่อาศัยพลังของซาตานมารร้าย ดังนั้นผู้ที่จะเป็นนักไสยศาสตร์ได้ก็ต้องปฏิเสธอัลลอฮ์ และบรรดาเราะซูล(ศาสดาหรือนะบี)เสียก่อนด้วยวิธีการต่างๆ ตามที่ซาตานกระซิบบอก เช่น เขียนอัลกุรอ่านด้วยเลือดสุนัข ด้วยเลือดประจำเดือนของสตรี นำอัลกุรอ่านไปทิ้งลงในที่ๆสกปรกที่สุด หรือร้องขอต่อชัยฏอน อย่างนี้เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง
หนังสือ ริสาละฮฺอัลญิน หน้า 8
หนังสือมุคตะศ็อรฺ อัลฟะตาวา อัลมิศรียะฮฺ หน้า 584
บุคอรีย์ (2766. 5764)
มุสลิม(89)
อบูอะวานะฮฺ (1/54)
อันนะสาอีย์ (6/257) และเว็บไซต์อิสลามมอร์

เรียบเรียงโดย Anas Dawor (ibnu shati-e)